Sunday, April 3, 2011

Suckerpunch



ในที่สุดก็ได้ดูมาแล้วสำหรับหนังที่ตั้งตารอดูมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ต้องขอบอกว่าก่อนดูก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ผิดหวังซักนิดสำหรับเรื่องนี้ Zack Snyder กับผลงานที่ผ่านมาทั้ง 300 และ watchman ทั้ง 2 เรื่องล้วนแต่เป็นหนังที่ขึ้นแท่นหนังโดนใจ สาขาแสงเงายอดเยี่ยม และ สาขาจังหวะยอดเยี่ยม (สาขาอุปโลกน์เอง) อยู่แล้วทั้งนั้น แถมเรื่องนี้ยังตัด 6packกะผ้าเตี่ยวออกไป แทนที่ด้วย น้องหนู กับเสื้อผ้าหน้าผมอันน่าตื่นเต้นแบบไม่จงใจเสียวมากไปนัก บวกกับ trailer ที่ดูแล้วรู้สึกว่าช่างเป็นหนังปล่อยของที่สนองจินตนาการกับความสะใจของ ผกก โดยไม่ต้องแคร์กฎเกณฑ์เรื่องราวใดๆอย่างนี้แล้ว สำหรับคนดูหนัง(อย่างผม)มันจะไปกล้าขออะไรมากมายกว่านี้ในหนังซักเรื่องหนึ่งกันเชียว สรุปว่าแทใจให้ตั้งแต่ก่อนดูไปเรียบร้อยหล่ะครับงานนี้


สิ่งแรกที่อยากกล่าวถึงคือสิ่งที่คิดว่าคงเกิดขึ้นกับหลายๆคนที่ไปดูภาพยนต์เรื่องนี้(โดยเฉพาะหนุ่มๆ) ที่ในช่วงหลังเริ่มไม่อยากเข้าไปดูการต่อสู้สุดอลังการ แฟนตาซีของสาวๆแต่อยากเป็นหนึ่งในเหล่าชายที่ยืนอึ้งน้ำลายหกตกอยู่ในภวังค์เหล่านั้นเพราะอยากเห็นเหลือเกินว่าลีลาการเต้นที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้โยกย้ายไปตามอารมณ์จากเพลงของน้องเบบี้ดอลล์นั้นมันจะ"ขนาดไหน"กันแน่ เพราะก่อนจะเต้นเจ๊เวร่าแกก็ดันน้องเค้าไปว่า"เธอมีทุกอย่างพร้อมอยู้แล้วแค่ปลดปล่อยมันออกมา และ พอเต้นจบน้องแกก็ออกอาการหายใจหอบแห่กๆเหงื่อไหลไคลย้อยซะขนาดนั้น ก็ต้องอยากรู้สิครับว่าน้องเค้าปลดปล่อยอะไรออกมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องผิดหวังไปตามๆกันเพราะหนังเค้าใจแข็งไม่ยอมโชว์ให้ดู(เฮ้อ!ทีHang over เค้ายังเอารูปถ่ายมาโชว์ตอนท้ายทั้งสองภาคเลย)

ส่วนเนื้อหาของเรื่องนั้นก็ซับซ้อนหลายชั้นเสียเหลือเกินและเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้นใน "Lennox House"นั้นเรียกได้ว่าสามารถเป็นภาพยนต์ทำนองแหกคุกนรกได้อีกเรื่องนึงเลยทีเดียวแต่ก็อย่างที่บอกครับได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ปล่อยของทั้งทีใครจะไปสนว่าที่จริงแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่จุดนี้แหละครับที่ทำให้หลายๆคนบ่นกันอุบหลังจากออกมาจากโรงหนัง เพราะตอนจบหนังไม่ได้"เล่า"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆให้เราได้ทราบเท่าใดแต่ปล่อยให้ประติดประต่อจินตนาการกันเอาเองว่าใครอยู่ใครไปใครโดนทำอะไรไปบ้างพร้อมกับบอกเราว่าที่ได้ดูไปทั้งหมดมันไม่ใช่แค่จินตนาการเท่านั้นแต่มันเป็นจินตนาการของจินตนาการอีกทีด้วยนะ(เอ่อออ) แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินไปว่าภาพยนต์เรื่องนี้เป็นภาพยนต์ที่ไร้เหตุผลซะทีเดียวเพราะการที่หนังไม่เล่าไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีแต่เค้าได้เปิดเนื้อที่ไว้ให้เราคิดจินตนาการกันเอาเอง สังเกตุได้ว่าหนังป้อนประโยคปริศนาออกมาให้เรามากมายอย่าง ประโยคดันน้องเบบี้ดอลล์ของเจ๊เวร่าที่กล่าวไปข้างต้น หรือคำพูดของ wise man ที่ว่า"ถ้าไม่ยืนหยัดเพื่ออะไรซักอย่างหล่ะก็คุณก็จะล้มเหลวกับทุกอย่าง" รวมถึงเสียงของผู้หญิงที่คอยพูดว่า"คนเราทุกคนมีเทพพิทักษ์ของตัวเองทั้งนั้น โดยบางทีอาจมาในรูปแบบของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง"ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแล้วแต่เราว่าจะคิดจะตีความไปทางใด ใหนๆตัวหนังเค้าก็จินตนาการจ๋ามาแบบนี้แล้วก็เอากับเค้าหน่อยแล้วกันครับ แต่ก็ไม่เถียงครับว่าฉากต่อสู้สุดจินตนาการของหนังเรื่องนี้มันดูล้นไปจริงๆไม่ใช่ว่ามันแปลกเกินไปนะครับแต่จำนวนมันมากไป เพราะตามปกติแล้วในภาพยนต์แต่ละเรื่องฉากการสู้รบมันจะต้องมีระดับความพีคที่ต่างกันและมีลำดับในการพาเราไปสู่ฉากทีพีคที่สุดตามแต่วิธีการลำดับเรื่องของผกกแต่ละคน แต่สำหรับเรื่องนี้เหมือนเราตัดเอาฉากพีคของหนังหลายๆเรื่องแล้วเอามาดูต่อๆกัน เหล่านี่น่าจะเป็นเหตุผลที่หลังๆเราเริ่มเลี่ยนกับฉากต่อสู้(อีกเหตุผล ยังยืนยังว่าเพราะเราอยากดูเบบี้ดอลล์เต้นครับ) จนแม้แต่คนที่ตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปดูการต่อสู้กันให้มันสะใจ ยังรู้สึกว่ามันเยอะไปหน่อยอยู่ดี
แต่ก็อย่างที่ออกตัวไว้ตั้งแต่ตอนต้นครับ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็นับว่าไม่ได้ผิดหวังแต่อย่างใดยังคงออกมาจากโรงหนังด้วยความอิ่มเอมใจและคิดว่าเราคงไม่ได้มีภาพยนต์แบบนี้ออกมาให้ชมกันบ่อยๆนัก เพราะฉนั้นก็ Like ครับ